3.ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วนตนเอง (Constructivism)
ทิศนา แขมมณี. (2554:90-94)
ทิศนา แขมมณี. (2554:90-94)
ก. ทฤษฎีการเรียนรู้
ทฤษฎีพัฒนาการทางเชาวน์ปัญญาของเพียเจต์และของวีก็อทกี้เป็นรากฐานสำคัญของทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง เพียเจต์อธิบายว่า พัฒนาการทางเชาวน์ปัญญาของบุคคลมีการปรับตัวผ่านทางกระบวนการซึมซาบหรอดูดซึมและกระบวนการปรับโครงสร้างทางปัญญา ส่วนวีก็อทกี้ ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมและสังคมมาก นักทฤษฎีกลุ่มการสร้างความรู้ มีความเห็นว่า โลกนี้จะมีอยู่จริง และสิ่งต่างๆมีอยู่ในโลกจริง แต่ความหมายของสิ่งเหล่านั้น มิได้มีอยู่ในตัวของมัน สิ่งต่างๆมีความหมายขึ้นมาจากการคิดของคนที่รับรู้สิ่วนั้น และแต่ละคนจะให้ความหมายของสิ่งเดียวกัน แตกต่างกันไปอย่างหลากหลาย
ข.การประยุกต์ใช้ทฤษฎีในการเรียนการสอน
1. ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ ผลของการเรียนรู้จะมุ่งเน้นไปที่กระบวนการสร้างความรู้
2. เป้าหมายของการสอนจะเปลี่ยนจากการถ่ายทอดให้ผู้เรียนได้รับสาระความรู้ไปสู่การสาธิตกระบวนการแปลและสร้างความหมายที่หลากหลาย
3. ผู้เรียนจะเป็นผู้มีบทบาทในการเรียนอย่างตื่นตัว ผู้เรียนจะต้องเป็นผู้จัดกระบวนกับข้อมูลหรือประสบการณ์ต่างๆ
4. ครูจะต้องพยายามสร้างบรรยากาศทางสังคม- จริยธรรม ให้เกิดขึ้น ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การร่วมมือ และการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดและประสบการณ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียน และบุคคลอื่นๆ
5. ในการเรียนการสอน ผู้เรียนมีบทบาทในการเรียนรู้อย่างเต็มที่ โดยผู้เรียนจะนำตนเองและควบคุมตนเองในการเรียนรู้
6. การเรียนการสอนจะต้องเปลี่ยนจาก “instruction” ไปเป็น “construction”คือ เปลี่ยนจาก “การให้ความรู้”ไปเป็น “การให้ผู้เรียนสร้างความรู้” บทบาทของครูก็คือ จะต้องทำหน้าที่ช่วยสร้างแรงจูงใจภายในให้เกิดแก่ผู้เรียน
7. ในด้านการประเมินผลการเรียนการสอน ประเมินตามจุดมุ่งหมายในลักษณะที่ยืดหยุ่นกันไปในแต่ละบุคคลและการประเมินควรใช้วิธีที่หลากหลาย
เอกสารอ้างอิง
ทิศนา แขมมณี. 2554. ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. หน้า90-94
เอกสารอ้างอิง
ทิศนา แขมมณี. 2554. ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. หน้า90-94